ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพวก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ในระหว่างที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบกลางสภาว่าไม่ได้เป็นคนปฏิวัติ และชี้ไปที่พลเอกประยุทธ์ ที่ได้ยกมือรับในสภา ลอยหน้าลอยตาเสมือนว่าการยึดอำนาจมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนั้น
นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การได้เห็นพฤติกรรมที่ ‘นายกรัฐมนตรี’ และ ‘รองนายกรัฐมนตรี’ พูดถึงการรัฐประหาร ใช้อาวุธข่มขู่ยึดอำนาจประชาชน ได้อย่างสนุกสนาน บ่งบอกถึงวุฒิภาวะ และคุณสมบัติที่ขัดต่อการเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งทำพฤติกรรมนี้ในสภา ยิ่งทำให้เห็นถึงความไร้จิตสำนึกต่อระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ ไม่เหลือความชอบธรรมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากเป็นเด็กอาจเรียกว่าไร้เดียงสา แต่พลเอกประยุทธ์เป็นถึงผู้บังคับบัญชา ต้องใช้คำว่าไร้จิตสำนึกโดยสิ้นเชิง ที่ผ่านมาการกระทำของพลเอกประยุทธืได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ นั่งบนซากปลักหักพังของเศรษฐกิจขนาดนี้ ท่วมจมด้วยน้ำตาของคนทั้งชาติขนาดนี้ เหตุใดจึงกล้ามีหน้ามาเหยียบย่ำความรู้สึกคนไทยได้ขนาดนี้ การหัวเราะล้อเล่นกลางสภาในการยึดอำนาจในฐานะผู้นำรัฐประหาร ถือเป็นการเย้ยหยันและเหยียบย่ำความรู้สึกคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
ด้านนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกระทำของพบเอกประยุทธ์ หากแสดงถึงความไม่เคารพสภา ตนเองไม่แปลกใจ แต่หากยังมองว่าการปฏิวัติเป็นเรื่องเล่นๆ อาจจะใกล้จะถึงเวลาของพลเอกประยุทธ์แล้ว เวลาที่ประชาชนจะตัดสินว่า ประเทศนี้ สภานี้ ยังจะเหลือที่ให้พลเอกประยุทธ์ยืนหรือไม่
นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ พลเอกประยุทธ์ผู้ก่อการรัฐประหาร ปล้นอำนาจประชาชนคนไทย ยังลอยหน้าลอยตา ภูมิใจในสิ่งที่ตนกระทำ เป็นตลกร้ายและคือฟางเส้นสุดท้าย ที่ตนจะใช้เพื่อโหวตไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์อีกครั้ง ในฐานะผู้ทำลายระบอบประชาธิปไตยและความสง่างามของรัฐสภา