นครพนม-ยังผิดกฎหมายถึงแม้ปลดล็อกกัญชาเสรี นรข.สกัดจับ 2 โจ๋แก๊งค้ากัญชาข้ามชาติ อ.ธาตุพนม ขนกัญชาซุกกระบะ เกือบ 300 กิโลกรัม หวังหารายได้เสริม เที่ยวละนับหมื่นบาท อ้างนึกว่าไม่ผิดกฎหมาย นรข.ย้ำยังผิดกฎหมาย นำเข้าไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร อ้างอิงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ใช้แค่การแพทย์ นำเข้าถือว่าผิด ตำรวจ-ศุลกากร ยังสับสนปัญหาดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ กฎหมายยังไม่ชัดเจน คุมเข้มชายแดนหวั่นทะลักรับปีใหม่ พบต้นปีตรวจยึดมาแล้วกว่า 8 ตัน ฉวยโอกาสช่องโหว่กฎหมาย นำเข้ามาขาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2565 ที่กองบังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อย ตามลำแม่น้ำโขง เขต นครพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พล.ร.ต.สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) มอบหมายให้ น.อ.กษิดิ กลิ่นศรีสุข ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมด้วย น.อ.กริช กองศรี หัวหน้าสถานีเรือ นรข.ธาตุพนม นายทหารยุทธการและการข่าว ประสานงานร่วมกับ นายปรัตถกร บุสาวรรณกร นายอำเภอธาตุพนม ร่วมกับ ร.อ.ธนโชติ ณ นคร ผู้บังคับกองร้อยทหารราบกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กองร้อยทหารราบกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตชด.235 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แถลงการณ์จับกุมขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ

ทั้งนี้สามารถจับกุม นายพัชรพล อ่อนเงิน อายุ 21 ปี ร่วมกับ นายวรัท แซ่ตอง อายุ 21 ปี ชาว ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน บบ 6246 ยโสธร ซึ่งเป็นรถยนต์ใช้กระทำความผิด ในการขนพืชกัญชา จำนวน 9 กระสอบ ตรวจสอบภายในบรรจุกัญชาอัดแท่ง น้ำหนักแท่งละ ประมาณ 1 กิโลกรัม รวม จำนวน 257 แท่ง น้ำหนักรวม 257 กิโลกรัม แยกเป็นกัญชาอัดแท่งห่อด้วยกระดาษฟอยล์ จำนวน 159 กิโลกรัม และห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีเงิน จำนวน 98 กิโลกรัม มูลค่าในพื้นที่ชายแดน ราคาประมาณ กิโลกรัมละ 4,000-5,000 บาท หากนำส่งขายในพื้นที่ตอนในของไทย จะมีมูลค่าสูงกิโลกรัมละประมาณ 8,000-10,000 บาท แล้วแต่พื้นที่

สำหรับการตรวจยึดจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ นรข.เขต นครพนม ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการข่าวปราบปรามยาเสพติด สถานีเรือธาตุพนม สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนกัญชามาจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ สกัดกั้นปราบปรามจับกุมได้ในช่วงคืนที่ผ่านมา ขณะขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ บรรทุกกัญชามาทางเรือหางยาว ก่อนที่จะลำเลียงขนส่งขึ้นบรรทุกใส่รถยนต์กระบะของผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตพื้นที่ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงแสดงตัวเข้าตรวจยึดจับกุมไว้ได้ ควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล ดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากกัญชาถึงแม้จะปลดล็อกจากยาเสพติดประเภท 5 แต่ยังเป็นพืชกัญชา ที่มีความผิดหากมีการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว โดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร จึงจับกุมตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบ สวน สภ.ธาตุพนม ดำเนินคดีฐานความผิดในตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ควบคู่ พ.ร.บ.ตรวจพืช กักพืช

อย่างไรก็ตามทางผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ร่วมกันรับจ้างจากนายทุนในพื้นที่ โดยตกลงค่าจ้าง ครั้งละประมาณ 10,000 บาท ทำหน้าที่ไปรับกัญชาจากริมแม่น้ำโขง ซึ่งจะมีการนัดหมายส่งต่อไปขายอีกทอดหนึ่ง แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน พร้อมอ้างว่า คิดว่าไม่มีความผิด จึงรับจ้างหารายได้เสริม ขณะเดียวกัน ถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง หน่วยงาน นรข. ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จะสามารถตรวจยึดจับกุมขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติได้ ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ตรวจพืช กักพืช แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบปรับ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนมารองรับ รวมถึงยังไม่มีราคากลางกัญชาที่ระบุไว้ในกฎหมาย ทำให้เกิดความสับสนในการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ แต่ยังต้องดำเนินการจับกุมตรวจยึดไว้ในเบื้องต้น เพื่อนำส่งหน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณาความผิด และส่งฟ้องศาลพิจารณาดำเนินคดีต่อไป

จากการตรวจยึดกัญชาในพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม ในรอบปีที่ผ่านมา พบว่า มีมากกว่า 8 ตัน ส่วนใหญ่ไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ส่วนการจับกุมดำเนินคดีกรณีมีผู้ต้องหา ยังไม่มีผลการดำเนินพิจารณาคดี อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งยังคงรอกฎหมายที่ชัดเจน

ด้าน นายปรัตถกร บุสาวรรณกร นายอำเภอธาตุพนม เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่ชายแดน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่ยังมีมาตรการเข้มในการสกัดกั้นปราบปรามจับกุมยาเสพติด ทั้งยาบ้า รวมถึงกัญชา โดยมีการประสานทุกหน่วยงานความมั่นคง เข้มงวดสกัดกั้นปราบปรามจับกุมตามแนวชายแดน ทั้งด่านชายแดนชั่วคราว รวมถึงจุดข้ามแดนช่องทางธรรมชาติ ยิ่งในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ รวมถึงงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ในช่วงต้นปีหน้า จะมีการเดินทางข้ามไปมาของ ประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยชาวลาว อาจจะมีการฉวยโอกาสลักลอบขนส่งยาเสพติด จึงต้องมีการตรวจสอบคัดกรองในการเข้าออกทุกจุด

นอกจากนี้ในส่วนของกัญชาขอย้ำว่า ยังผิดกฎหมาย ถึงแม้จะปลดล็อกจากยาเสพติด แต่หากมีการนำเข้า ยังผิด พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ตรวจพืช กักพืช และจะต้องมีการขออนุญาต หน่วยงานเกี่ยวข้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่อนุญาตให้ใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น หรือหากมีการนำมาใช้รูปแบบต่างๆ จะต้องขออนุญาต จากหน่วยงานสาธารณสุข เท่านั้น.